วิถีชีวิตของชาวล้านนาเปลี่ยนไป
อาหารดั้งเดิมนั้นค่อนข้างเรียบง่าย เน้นข้าวเหนียวเป็นหลัก รับประทานคู่กับน้ำพริกเผาและผักนึ่งหรือผักสด แกงไม่ใส่กะทิ ไม่นิยมบริโภคเนื้อสัตว์สูง ยกเว้นพิธีเลี้ยงผี การประกอบอาหารใช้การทอด ย่าง ทอด นึ่ง แกง นึ่ง ทอด แทนการทอด ผัด ผัดน้ำมัน เครื่องแกงส่วนใหญ่ใช้พริก กระเทียม หอมแดง ปลาร้าหรือกะปิ ถ้าแกงใส่เนื้อสัตว์ใหญ่ เช่น หมู วัว ไก่ ใส่ข่า ตะไคร้ ขมิ้น ส่วนแกงปลาสดใส่ตะไคร้ ขมิ้น มากกว่าปกติเพื่อกลบกลิ่นปลา ยกเว้นแกงปลาแห้งหรือปลาจี่ย่างจะไม่คาวไม่ใส่เครื่องเทศ เทตะไคร้ลงไปต้มก่อนใส่พริกแกงพอขลุกขลิก แกงคนเมืองนิยมใส่ผักสด แกงจึงตั้งชื่อตามผักที่ใส่ลงไป เช่น แกงแค แกงผักหวาน แกงผักละ แกงใส่เนื้อสัตว์ เช่น แกงอ่อม แกงส้ม แกงส้ม แกงไก่ แกงไม่ใส่พริก ฉันใส่หอมแดงบด กระเทียมกับกะปิหรือปลาร้า ก็เรียก. เจียว คล้ายแกงส้มของภาคกลาง เช่น ผักปังเจียว. เจียวผักหมู่ (ปากมุก) น. แกงชนิดหนึ่ง ปรุงคล้ายเจียวแต่มีรสเปรี้ยวจากมะขาม เรียกว่า จ้อ เช่น จ้อปากผัด. ยกตัวอย่างเช่น ชาวไทใหญ่ จีนฮ่อ ชาวพม่า มีวัฒนธรรมการกินที่ซับซ้อน อาหารที่กลายมาเป็นอาหารพื้นเมือง ได้แก่ แกงฮังเล ไส้อั่ว แคบหมู น้ำพริกอ่องไทใหญ่ ไก่ทอด หมูทอด ผัดวุ้นเส้นจากเมืองจีน บางชนิดยังคงรูปร่างและรสชาติเดิมไว้ บางชนิดใช้กับถิ่นที่ไม่ทราบที่มา เช่น ข้าวซอย ชาวล้านนาจึงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินโดยนำเสนออาหารพื้นเมืองใหม่ๆ ตอบรับกับสังคมและวัฒนธรรมใหม่ วัฒนธรรมใหม่ของชาวล้านนาที่รู้จักกินขันโตก ขันโตกเป็นภาชนะสำหรับใส่อาหาร แต่เดิมนั้นชาวล้านนาได้ใช้จ่ายในครัวเรือนและทำบุญตักบาตร ขนาดของขันโตกไม่ใหญ่มาก เมื่อคุณต้องปรับตัวให้เข้ากับงานปาร์ตี้ จึงต้องปรับขนาดให้ใหญ่ขึ้น วางภาชนะใส่อาหารให้มากขึ้นตามวัฒนธรรมการเลี้ยงสากล กินขันโตก ปรับเวลากินข้าวเย็น เพราะชาวตะวันตกมักจะมีงานเลี้ยงตอนเย็น จึงเป็นที่มาของคำว่า ขันโตกดินเนอร์ มีลักษณะสากล ในการจัดงานขันโตกมีการแสดงพื้นเมืองต่างๆ เช่น รำวง บางครั้งก็มีบายศรีผูกข้อมือรับขวัญ จุดพลุดอกไม้ไฟตามทางเดิน ใส่ดอกมะลิ การจัดขันโตกครั้งแรกพร้อมใส่เสื้อม่อฮ่อม ฯพณฯ สัญญา ธรรมศักดิ์ และเจ้าหน้าที่ธนาคารโลกต้อนรับคุณไกรสรสู่บ้านฟ้าฮ่าม นิมมานเหมินทร์ ในปี พ.ศ. 2496 (วี พ.ศ. 2548)
อาหารขันโตกยอดนิยม เช่น ลาบ แกงอ่อม ไส้อั่ว หนังหมู แกงฮังเล น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่องและผักดอง อาหารจานหวาน เช่น ข้าวแต๋นและขนมจ๊อ (รัตนา, 2542)

